ก่อนเกมจะเริ่ม มีการชุมนุมของกลุ่มสนับสนุนปาเลสไตน์บริเวณด้านนอกสนาม โดยผู้ชุมนุมถือป้ายประท้วงและตะโกนเรียกร้องไม่ให้ทีมจากอิสราเอลลงแข่งขันในยุโรป ขณะเดียวกัน ทางการได้สั่งห้ามแฟนบอลทีมเยือนเข้าชมเกมเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง ทำให้ที่นั่งทีมเยือนในอัฒจันทร์ดูว่างเปล่าตลอดทั้งคืน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 700 นายถูกระดมมาควบคุมสถานการณ์ ซึ่งสุดท้ายมีรายงานจับกุมเพียง 6 ราย และเหตุการณ์โดยรวมยังคงสงบ

ภายในสนาม เกมดำเนินไปอย่างอึดอัดในครึ่งแรก วิลล่าซึ่งโรเตชันนักเตะหลายตำแหน่งเล่นกันอย่างติดๆ ขัดๆ และเกือบโดนนำจากจังหวะหลุดของ ดอร์ เปเรตซ์ แต่ เอมี มาร์ติเนซ เซฟไว้ได้ ก่อนที่ช่วงท้ายครึ่งแรก มอร์แกน โรเจอร์ส จะจ่ายทะลุให้ เอียน มาทเซน หลุดไปยิงมุมแคบเสียบเสาอย่างเหลือเชื่อ ให้เจ้าถิ่นขึ้นนำ 1-0

ครึ่งหลัง มัคคาบี้ยังสร้างโอกาสได้แต่จบไม่คม เปเรตซ์ยิงไปติดมาร์ติเนซอีกครั้ง ก่อนที่นาที 55 วิลล่าจะได้จุดโทษจากจังหวะที่ เอซรี คอนซา ถูกทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ และ ดอนเยล มาเลน รับหน้าที่สังหารไม่พลาด เป็นประตูที่สามของเขาในฤดูกาลนี้ ช่วยให้ทีมหนีเป็น 2-0

อูไน เอเมรี กล่าวหลังเกมว่า “เรามีข้อผิดพลาดบ้างและเสียโอกาสมากกว่าที่วางไว้ แต่โดยรวมเราคุมเกมได้ตลอด 90 นาที” ขณะที่ฝั่ง จาร์โก ลาเซติช กุนซือมัคคาบี้ เผยว่าทีมต้องมาถึงสนามก่อนเกมถึง 5 ชั่วโมงเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุปะทะจากการประท้วง

แม้เกมนี้จะไม่สนุกหวือหวา แต่สำหรับวิลล่า ถือเป็นชัยชนะที่สำคัญทั้งในสนามและนอกสนาม เมื่อทุกฝ่ายผ่านค่ำคืนที่ตึงเครียดนี้ไปได้โดยปราศจากเหตุรุนแรงใหญ่โต และสามารถหันกลับมาจดจ่อกับเรื่องฟุตบอลได้อีกครั้ง